วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แพ็คกระเป๋าไปกับDek-morสัมผัสมรดกโลกกุ้ยหลินแห่งเวียดนาม เวียดนามเหนือฮานอย ฮาลองเบย์

Dek-mor  เตือนความทรงจำ Dek-mor แพ็คกระเป๋าเที่ยวต่างประเทศในช่วง My vacation สัมผัสมรดกโลก ”กุ้ยหลินแห่งเวียดนาม”
เที่ยวเวียดนามเหนือแบบเกาะติด :
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ในเวียดนามเหนือ

อ่าวฮาลองเบย์ มีเนื้อที่ถึง 4000 ตร.กิโลเมตร อ่าวแห่งนี้เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนมากมาย มีหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 1,900 เกาะที่มีรูปร่างต่างๆ กัน เช่นเกาะหมา เกาะแมว เกาะไก่ชน ฯลฯ มีตำนานเล่ากันตั้งแต่สมัยโบราณว่า หมู่เกาะใหญ่น้อยเหล่านี้ เป็นร่างของมังกรยักษ์ และบริวาร ที่ลงมาจากสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือชาวเวียด นาม เมื่อถูกข้าศึก จากทางเหนือมารุกราน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจนได้ชัยชนะแล้ว มังกรยักษ์ และบริวาร ก็เปลี่ยนใจ ไม่กลับไปยังสวรรค์ แต่ยินดีที่จะอยู่ในโลกบริเวณนี้ และได้กลายร่างเป็น เกาะแก่งใหญ่น้อยทั่วไปในบริเวณ อ่าวฮาลอง จากทัศนียภาพ และ ภูเขา เกาะแก่ง ที่สวยงาม อ่าวฮาลองนี้จึงได้รับสมญานามว่าเป็น กุ้ยหลินแห่งเวียดนาม และได้รับการประกาศให้เป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์การยูเนสโก (UNESSCO)ใช้เวลาล่องอ่าวฮาลอง 3.30 ชม. ระยะทาง 180 กม. สำหรับบรรยากาศบนเรือ ทาน
อาหารทะเลสด ชมวิวเกาะน้อยใหญ่ รูปร่างต่างๆ นานา มีชื่อเรียกตามลักษณะรูปร่าง อาทิเกาะไก่ เกาะแมว ทั้งลำนั่งกันไปเพียง 25 ท่าน(เรือสามารถบรรทุกได้กว่า 40 ท่าน) ระหว่างทางมีแวะแพปลา












ที่ตั้งโรงละครฮานอย (Hanoi Opera House) อยู่ตรงหัวมุมถนน Ly Thai To ตัดกับถนน Trang Tien บริเวณวงเวียนห้าแยก โรงละคร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 สไตล์แบบฝรั่งเศส ตกแต่งอย่างงดงาม มีที่นั่งกว่า 900 ที่นั่ง ปัจจุบันยังเปิดแสดงอย่างสม่ำเสมอ การแสดงจะเน้นดนตรีคลาสสิค
การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ เป็นต้นตำหรับแห่งเดียวของโลก ใช้ผู้เชิดอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ที่มีการพรางไว้ ตัวหุ่นเชิดจะอยู่ที่ปลายไม้ที่ยาวพอที่จะยื่นออกมานอกฉากที่ผู้เชิดบังคับ มีกลไกบังคับมือหรืออวัยวะของหุ่นที่ทำจากไม้ฉำฉาที่เบาและพยุงน้ำหนักเมื่ออยู่ในน้ำ และการเชิดต้องไม่ให้เห็นไม้บังคับหุ่น จึงทำให้ดูเหมือนหุ่นมีลีลาของตนเอง

ทะเลสาบคืนดาบ หรือฮว่านเกี๋ยม (Ho Hoan Kiem) เป็นทะเลสาบกลางกรุงฮานอย เป็นที่เกิดตำนานโบราณว่าครั้งหนึ่ง แม่ทัพผู้กล้าหาญของเวียดนาม ต้องประสบความพ่ายแพ้แก่ศัตรู ในยุทธภูมิสำคัญ ต้องหนีกลับมายังที่มั่นริมทะเลสาบ ด้วยความหมดหวังจึงโยนดาบคู่ศึกลงกลางทะเลสาบ แต่ปรากฏว่าได้มีเทพเจ้าแปลงตัวมาเป็นเต่า คาบดาบเล่มนั้นขึ้นสู่ผิวน้ำ และนำดาบคืนให้แก่แม่ทัพอย่างเดิม เมื่อแม่ทัพได้ดาบคืนมาแล้ว ก็เกิดความฮึกเหิมมั่นใจในชัยชนะสามารถปราบศัตรูให้พ้นจากแผ่นดิน ที่ตั้งทะเลสาบคืนดาบ อยู่บริเวณใจกลางเมืองเก่าฮานอย สำหรับนักเดินทางที่มาเยือนฮานอย โดยไม่ได้มากับบริษัททัวร์ส่วนใหญ่นิยมหาที่พักในบริเวณเมืองเก่า ที่เปรียบได้กับถนนข้าวสารของเมืองไทย เพราะมีเกสต์เฮาส์และโรงแรมราคาประหยัดมากมาย มีเอเย่นต์ทัวร์สำหรับเลือกซื้อแพ็คเก็จทัวร์หรือตั๋วเดินทางภายในประเทศทั้งทางรถบัส รถไฟ เครื่องบิน และยังมีร้านจำหน่ายอาหารประเภทพื้นเมืองและตะวันตกมากมายและร้านขายของที่ระลึก  สะพานแสงอาทิตย์ เป็นสะพานไม้ทรงโค้ง สีแดงสดใส ที่ทอดข้ามจากฝั่งไปยังเกาะหยก หรือวัดเนินหยก


วัดเนินหยก หรือหง็อกเซิน (Ngoc Son) เป็นวัดโบราณ ภายในประกอบด้วยศาลเจ้าโบราณ และ เต่าสต๊าฟ ขนาดใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อว่า เต่าตัวนี้ คือเต่าศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 2 ตัว ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้มาเป็นเวลาช้านาน
ที่ตั้งวัดเนินหยก อยู่ริมทะเลสาบบนเกาะหยก ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ สามารถข้ามจากฝั่งไปยังวัดโดยข้ามสะพานเทฮุก (The Huc) หรือสะพานแสงอาทิตย์ มีสีแดงสดใสถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกรุงฮานอย นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันเสอมเมื่อถึงวัดหว็อกเซิน ด้านในมีบรรยากาศร่มรื่นและมีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อน

 ถ้ำนางฟ้าหรือถ้ำสวรรค์ ชมหินงอกหินย้อยมากมายล้วนแต่สวยงามและน่าประทับใจยิ่งนัก ถ้ำแห่งนี้เพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการประดับแสงสีตามผนังและมุมต่างๆ ในถ้ำ ซึ่งบรรยากาศภายในถ้ำท่านจะชมความสวยงามตามธรรมชาติที่เสริมเติมแต่งโดยมนุษย์ แสงสีที่ลงตัวทำให้เกิดจินตนาการรูปร่างต่างๆ มากมาย ทั้ง รูปมังกร สิงห์โต เสาค้ำฟ้า พระพุทธรูป ศิวลึงค์
 
วิหารวรรณกรรม VAN MIEU หรือ TEMPLE OF LITERATURE เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรก ของเวียดนามโบราณ สร้างเพื่ออุทิศให้แก่ท่าน "ขงจื้อ"และ ใช้เป็นสถานที่สอบของบรรดา นักปราชญ์ในสมัยนั้น ชมแท่นศิลา 82 แผ่นบนหลังเต่า จารึกนามนักปราชญ์ที่สอบผ่านเป็นจอหงวนในแต่ละสมัยของกษัตริย์ผู้ครองประเทศทุกปี
ถนนย่านการค้า 36 สาย (36 Old Streets) แต่ละถนนจะขายสินค้าเฉพาะอย่าง เช่น ผ้าไหม ฝ้าย รองเท้า กระเป๋า ของที่ระลึก คล้ายๆกับตลาดสำเพ็งในเมืองไทย

ตึกทำเนียบประธานาธิบดี เป็นตึกสไตล์โคโลเนียล ทาด้วยสีเหลืองทั้งหลัง ปัจจุบันใช้เป็นที่รับรองแขกบ้านแขกเมือง
บ้านโฮจิมินห์ บ้านพักหลังสุดท้ายของประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ที่แสดงถึงความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายและความสมถะของท่าน

ที่ตั้งสุสานโฮจิมินห์ Ho Chi Minh's Mausoleum อยู่บนถนนเดียนเบียนฟู (Dien Bien Phu) เจดีย์เสาเดียว เป็นเจดีย์ไม้ที่งดงามตั้งอยู่บนเสาต้นเดียวกลางสระบัว แห่งเดียวในโลก สร้างเมื่อ ค.ศ. ๑๐๔๙ สมัยราชวงศ์ LY เพื่อแสดงความกตัญญูแก่เจ้าแม่กวนอิมที่ทรงประธานโอรสให้แก่ พระเจ้าหลีไพไต ตามพระสุบินของพระองค์
บริเวณจัตุรัสบาสดิงห์ (Ba Dinh) ซึ่งเป็นสถานที่ที่โฮจิมินห์อ่านคำประกาศอิสรภาพของเขาเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 2488 สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2516 โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากสุสานของเลนินในกรุงมอสโคว์ แต่รวมสถาปัตยกรรมของเวียดนามเข้าไปด้วย มีความสูง 21.6 เมตรและกว้าง 41.2 เมตรเป็นอาคารหินอ่อนและหินแกรนิตรวมถึงไม้เนื้อดีจากทั่วประเทศ เป็นอาคารที่โดดเด่นและสง่างามมาก โดยมีชื่อในภาษาเวียตนามว่า จู่ติกโอจิมินห์ (Lang Chu Tich Ho chi Minh ) ร่างของโฮจิมินห์ถูกเก็บรักษาอยู่ในโลงแก้วบริเวณใจกลางสุสาน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้รู้จักกับผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเวียดนาม โดยในสุสานแห่งนี้ไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงขาสั้นหรือกระโปรงสั้น, ห้ามพูดคุยเสียงดัง, และไม่อนุญาตให้สูบบุรี่,ถ่ายรูปและวิดีโอ หลังสุสานโฮจิมินห์ มีสวนสาธารณะที่เงียบสงบร่มรื่นและมีสระน้ำเล็กๆ และบ้านที่สร้างบนเสาสูงซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่อยู่ของโฮจิมินห์ และบริเวณใกล้ๆนั้นมี เจดีย์เสาเดียว


ที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (History Museum) อยู่หลังโรงละครฮานอย ค่าเข้าชม 15,000 ดองสำหรับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์หรือชาวเวียดนามเรียก Bao Tang Lich แห่งนี้เป็นอดีตเป็นสถาบันวิจัยทางโบราณคดีของสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรทิศ (Ecole Hrancaise d’Extreme Orient) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2453 สร้างใหม่ปี 2469 ก่อนจะเปิดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2475 ซึ่งสิ่งที่นำมาจัดแสดงไว้ที่นี่ครอบคลุมถึงประวัติศาสตร์เวียตนามทุกสมัย เป็นโบราณวัตถุที่หาดูได้ยากยิ่ง มีกลองสำริดโบราณ ซึ่งเป็นศิลปะอันงดงามของพวกจากที่แพร่เข้ามาในประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ยังมีเครื่องถ้วยชาม และเจ้าแม่กวนอิมปางประหลาด รวมถึงห้องจัดแสดงของใช้สิ่งของต่างๆ ของกษัตริย์ 13 พระองค์แห่งราชวงศ์เหวียน หากชอบเกี่ยวกับโบราณคดีคุณจะได้สัมผัสรากฐานแห่งอารยธรรมได้ดีทีเดียว
ที่ตั้งโบสถ์เซนต์โจเซฟ (St Joseph Cathedral) อยู่บนถนนยาจุง (Nha Chung) ทางด้านเหนือของทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม เมื่อจักรวรรดิฝรั่งเศสเข้าปกครองเวียตนามและได้จัดการเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ให้ทันสมัยได้ทำให้ความเชื่อและสิ่งก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ได้ถูกทำลายทิ้งไปพอสมควร รวมถึงที่นี่ด้วย เพราะก่อนสร้างโบสถ์แห่งนี้ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของเจดีย์บ่าวเทียน (Bao Thien) และถูกทำลายลงตอนสร้างโบสถ์เซนต์โจเซฟ ทำให้ที่นี่เป็นโบสถ์เก่าที่สุดในฮานอย เริ่มเปิดครั้งแรกในคืนคริสต์มาสปี พ.ศ. 2429 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนที่นี่ด้วยความศรัทธาและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ใกล้ๆ กันมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกอยู่หลายร้าน และมีร้านอาหารไว้คอยให้บริการอยู่
ที่ตั้งตลาดดงซวน (Dong Xuan)อยู่สุดถนนฮังดาว ทางด้านเหนือของเขตเมืองเก่า ตลาดดงซวนเป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ตามประวัติตลาดแห่งนี้โดนไฟไหม้ไปตั้งแต่ปี 1994 ทว่าได้มีการซ่อมแซมเพื่อช่วยให้เก็บรักษาบรรยากาศเก่าๆ เอาไว้ให้ได้มากที่สุด โดยตลาดแห่งนี้มีสินค้ามากมายให้เลือก ตั้งแต่บรรดาเครื่องจักรสาน พรมผืนเล็กๆ อาหาร เสื้อผ้า ของที่ระลึก จนถึงซีดี และดีวีดี และยังมีเหล้าไวน์ราคาถูกด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายดอกไม้ตามริมถนน ร้านขายยาแผนโบราณที่มีกลิ่นสมุนไพรเป็นเอกลักษณ์ ร้านขายยาดองมีสัตว์ต่างๆ อยู่ในขวดก็มีอยู่ให้ชิมกัน ทั้งเหล้าดองงู ดองตุ๊กแก ดองจิ้งจก
ไว้บทความต่อไปจะนำภาษาเวียดนามง่าย ง่าย ที่ใช้ในชีวิตประจำวันมาฝาก พร้อมกับการเปรียบเทียบเงินไทย เงินดอลล่าร์และเงินดอง(เวียดนาม) เพื่อความสะดวกในการคำนวณนะคะ แล้วเจอกันค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น